AWS Asia Pacific (Thailand) Region ช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นในการรันปริมาณงานและจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยในประเทศไทย พร้อมทั้งให้บริการผู้ใช้ปลายทางด้วยเวลาแฝงต่ำ
Region ใหม่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในระยะยาวของ AWS ในการตอบสนองความต้องการบริการคลาวด์ที่สูงในประเทศไทยและทั่วเอเชียแปซิฟิก
AWS วางแผนที่จะลงทุนมากกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และรองรับตำแหน่งงานที่เทียบเท่าแบบเต็มเวลาโดยเฉลี่ยมากกว่า 11,000 ตำแหน่งต่อปีในประเทศไทย ซึ่งจะเพิ่ม GDP ของประเทศไทยประมาณ 10 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ลูกค้าปัจจุบันที่ยังใช้งานในประเทศไทยและทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ 2C2P, Ascend Money, Bank of Ayudhya, Big Data Institute, The Center of Excellence in Digital and AI for Mental Health, Charoen Pokphand Group, Dailitech, Digital Government Development Agency, ECV, G-Able, KASIKORN Business-Technology Group, Metro Systems, NTT DATA, Stock Exchange of Thailand และอื่นๆ อีกมากมายที่สร้างสรรค์นวัตกรรมบน AWS
ซีแอตเทิล–(BUSINESS WIRE)–08 มกราคม 2025
Amazon Web Services, Inc. (AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com, Inc. (NASDAQ: AMZN) ได้ประกาศเปิดตัว AWS Asia Pacific (Thailand) Region แล้ววันนี้ ขณะนี้นักพัฒนา สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการ และองค์กรต่างๆ รวมถึงภาครัฐ สถาบันการศึกษา และองค์กรไม่แสวงหากำไรจะมีทางเลือกมากขึ้นในการเรียกใช้แอปพลิเคชัน และให้บริการผู้ใช้ปลายทางจากศูนย์ข้อมูล AWS ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นระยะยาว AWS วางแผนที่จะลงทุนมากกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐในประเทศไทย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AWS Global Infrastructure โปรดไปที่ aws.amazon.com/about-aws/global-infrastructure.
AWS ประเมินว่าการก่อสร้างและการดำเนินการอย่างต่อเนื่องของ AWS Region ใหม่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศไทยประมาณ 10 พันล้านเหรียญสหรัฐ และรองรับตำแหน่งงานที่เทียบเท่าแบบเต็มเวลาโดยเฉลี่ยมากกว่า 11,000 ตำแหน่งในธุรกิจภายนอกต่อปี งานเหล่านี้รวมถึงงานก่อสร้าง การบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก วิศวกรรม โทรคมนาคม และงานอื่นๆ ภายในเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ จะเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานของ AWS ในประเทศไทย
“ดิฉันขอขอบคุณ Amazon Web Services ที่ได้ลงทุนในการพัฒนาศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย” Paetongtarn Shinawatra นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยกล่าว “ดิฉันรู้สึกยินดีที่บริษัทชั้นนำระดับโลกแห่งหนึ่งยอมรับศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทย ดิฉันหวังว่า AWS จะมีบทบาทสำคัญในการร่วมมือกับรัฐบาลในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นสังคมดิจิทัลที่ครอบคลุมมากขึ้น และขยายการเข้าถึงบริการดิจิทัลสำหรับประชาชนทุกคน”
“เรายังคงเห็นการนำระบบคลาวด์ไปใช้อย่างรวดเร็วทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิก เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากขึ้นปลดล็อกศักยภาพของระบบคลาวด์ที่ครอบคลุม เชื่อถือได้ และปลอดภัยมากที่สุดในโลก” Prasad Kalyanaraman รองประธานฝ่ายบริการโครงสร้างพื้นฐานของ AWS กล่าว “AWS Region ใหม่ในประเทศไทยจะช่วยให้ลูกค้าในทุกอุตสาหกรรมสามารถปรับใช้แอปพลิเคชันขั้นสูงที่มีชุดเทคโนโลยี AWS ที่หลากหลาย ซึ่งนำเสนอทั้งความสามารถหลักบนคลาวด์ เช่น การประมวลผล พื้นที่การจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ และเครือข่าย รวมถึงบริการที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว เช่น ปัญญาประดิษฐ์ และแมชชีนเลิร์นนิง ด้วยการเปิดตัวในวันนี้ AWS รู้สึกภูมิใจที่ได้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของประเทศไทย และช่วยเร่งบทบาทในการเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคด้านปัญญาประดิษฐ์”
ด้วยการเปิดตัว AWS Asia Pacific (Thailand) Region ทำให้ AWS มี Availability Zone ทั้งหมด 111 แห่งใน 35 ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ พร้อมประกาศแผนที่จะเปิดตัว Availability Zone เพิ่มอีก 15 แห่งและ AWS Region เพิ่มอีก 5 แห่งในเม็กซิโก นิวซีแลนด์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ไต้หวัน และ AWS European Sovereign Cloud AWS Region ประกอบด้วย Availability Zone ที่วางโครงสร้างพื้นฐานในที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่แยกจากกันและแตกต่างกัน AWS Asia Pacific (Thailand) Region ประกอบด้วย Availability Zone 3 แห่งที่อยู่ห่างกันเพียงพอที่จะรองรับความต่อเนื่องทางธุรกิจของลูกค้า แต่ใกล้พอที่จะให้เวลาแฝงต่ำสำหรับแอปพลิเคชันที่มีความพร้อมใช้งานสูงที่ใช้หลาย Availability Zone ซึ่ง Availability Zone แต่ละแห่งมีแหล่งพลังงาน การระบายความร้อน และการรักษาความปลอดภัยทางกายภาพที่แยกจากกัน และเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายเวลาแฝงที่ต่ำเป็นพิเศษ ลูกค้า AWS ที่เน้นความพร้อมใช้งานสูงสามารถออกแบบแอปพลิเคชันของตนให้ทำงานใน Availability Zone หลายแห่งเพื่อให้ทนทานต่อความผิดพลาดได้ดียิ่งขึ้น ลูกค้า AWS ที่เน้นความพร้อมใช้งานสูงสามารถออกแบบแอปพลิเคชันให้ทํางานในหลาย ๆ Availability Zone และในหลาย region เพื่อให้เกิดความทนทานต่อความผิดพร่องได้ดียิ่งขึ้น
AWS นำเสนอบริการที่หลากหลายและครอบคลุมที่สุด รวมถึงการวิเคราะห์ การประมวลผล ฐานข้อมูล อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง generative AI แมชชีนเลิร์นนิง บริการมือถือ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และเทคโนโลยีคลาวด์อื่นๆ ลูกค้าตั้งแต่สตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรต่าง ๆ องค์กรภาครัฐ และองค์กรไม่แสวงผลกำไรจะสามารถใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจากผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำของโลกเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม ตอบสนองความต้องการด้านถิ่นที่อยู่ของข้อมูล ลดเวลาแฝงลง และตอบสนองความต้องการบริการคลาวด์ในประเทศไทยและทั่วเอเชียแปซิฟิก
ลูกค้าและคู่พันธมิตร AWS ยินดีต้อนรับ AWS Region ในประเทศไทย
องค์กรต่างๆ ทั่วอาเซียนและในประเทศไทยเป็นหนึ่งในลูกค้าหลายล้านรายที่ใช้งาน AWS ในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก องค์กรต่างๆ ในประเทศไทยเลือกใช้ AWS เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขับเคลื่อนความคุ้มค่าด้านต้นทุน และเร่งเวลาออกสู่ตลาด ลูกค้าชาวไทยที่ใช้ AWS ได้แก่ 2C2P, Ascend Money, Bank of Ayudhya, Charoen Pokphand Group (CP Group) และ KASIKORN Business-Technology Group ลูกค้าภาครัฐของประเทศไทยใช้ AWS เพื่อช่วยขับเคลื่อนการประหยัดต้นทุนและให้บริการประชาชนในท้องถิ่นได้ดียิ่งขึ้น ลูกค้าเหล่านี้ได้แก่ Big Data Institute (BDI), Digital Government Development Agency, Center of Excellence in Digital and AI for Mental Health (AIMET) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดเล็กของไทย เช่น BODA Technology & Consultancy, BOTNOI Group, Flow Account, Pomelo Fashion และ Sunday Technology กำลังสร้างบน AWS เพื่อขยายตัวอย่างรวดเร็วในระดับประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก
Bank of Ayudhya Public Company Limited หนึ่งในธนาคารชั้นนำของประเทศไทย อาศัย AWS เพื่อรับมือกับความท้าทายเฉพาะ เช่น การยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า การปรับปรุงการเข้าถึงทางการเงิน และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ธนาคารใช้บริการคลาวด์ของ AWS รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูล แมชชีนเลิร์นนิง และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมและปรับปรุงกระบวนการต่างๆ “ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์เชิงกลยุทธ์ของเรา AWS มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโปรแกรมคลาวด์ของกรุงศรี ซึ่งให้บริการแก่ผู้คนมากกว่า 12 ล้านคน ด้วย Thailand Region สิ่งนี้จะขยายความร่วมมือระหว่างกรุงศรีและ AWS ได้อย่างมาก และจะขยายความเป็นไปได้อย่างมีนัยสำคัญ” Pochara Vanaratseath หัวหน้าฝ่ายไอที Bank of Ayudhya Public Company Limited กล่าว
Charoen Pokphand Group (CP Group) เป็นกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการเกษตร อาหาร การค้าปลีก โทรคมนาคม และอีคอมเมิร์ซในกว่า 21 ประเทศ CP Group ใช้ AWS เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ปรับขนาดอย่างรวดเร็ว ปรับปรุงความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลใหม่ๆ และสร้างสรรค์นวัตกรรมในหน่วยธุรกิจที่หลากหลาย “การลงทุนของ AWS ครั้งนี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเราในการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและปรับปรุงคุณภาพชีวิต” Thanasorn Jaidee ประธาน True Internet Data Center (True IDC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ CP Group กล่าว “ภูมิภาคใหม่จะช่วยให้เราสามารถเร่งความคิดริเริ่มในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ยกระดับความปลอดภัยของข้อมูลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และพัฒนาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรามุ่งหวังที่จะใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน AWS ในท้องถิ่นนี้เพื่อให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย”
KASIKORN Business-Technology Group (KBTG) ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 โดยเป็นหน่วยงานด้านเทคโนโลยีของ KASIKORNBANK ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศไทย โดยใช้บริการ AWS ในการให้บริการแอปพลิเคชันมากกว่า 400 แอปพลิเคชัน เพื่อให้ลูกค้าทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างสะดวก ง่ายดาย และครอบคลุมมากขึ้น “การใช้ AWS ถือเป็นกลยุทธ์ที่เปลี่ยนแปลงเกมสำหรับเรา ทำให้เราสามารถสร้างความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมฟินเทคได้” Tawan Jithavech ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ KBTG กล่าว “เราเลือกใช้ AWS เพราะมีบริการที่หลากหลาย มีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในโซลูชันคลาวด์ และความคล่องตัวที่สามารถช่วยให้เราขยายขนาดการดำเนินงานได้ ด้วย AWS Thailand Region ใหม่ เราจะสามารถปรับปรุงเวลาตอบสนองของเครือข่ายได้อย่างง่ายดาย สามารถซิงโครไนซ์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และส่งมอบบริการทางการเงินที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ โดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และพร้อมใช้งานมากที่สุดในโลก”
หน่วยงานภาครัฐของไทยอย่าง Big Data Institute (BDI) กำลังเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์ม National Big Data ซึ่งช่วยให้หน่วยงานของรัฐสามารถกำหนดนโยบายที่มีข้อมูลเพียงพอเพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญ BDI เปิดตัวโครงการบูรณาการข้อมูลหลายโครงการ รวมถึง Health Link, Travel Link และแพลตฟอร์ม Thai Large Language Model (Thai LLM) ซึ่งทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลและประโยชน์ใช้สอยของข้อมูลทั่วทั้งภาคส่วน “ด้วยการเปิดตัว AWS Thailand Region ใหม่ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศว่า Big Data Institute จะย้าย Health Link ซึ่งเป็นบริการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพแบบกระจายศูนย์ของเราไปยังศูนย์ข้อมูลของ AWS ในประเทศไทย” Dr. Tiranee Achalakul ประธานและซีอีโอของ BDI กล่าว “Health Link พร้อมที่จะให้การดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพโดยให้เข้าถึงบันทึกสุขภาพได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องจัดเก็บข้อมูลที่ละเอียดอ่อนไว้ที่ศูนย์กลาง เราเลือก AWS เป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักของเรา เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานที่ขึ้นชื่อในเรื่องความปลอดภัย แข็งแกร่ง และปรับขนาดได้สูง ควบคู่ไปกับการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและการให้คำปรึกษาที่ยอดเยี่ยม ขณะที่เราขยายฐานผู้ใช้ Health Link การรักษาสภาพแวดล้อมการปฏิบัติงานที่มั่นคง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพจะเป็นสิ่งสำคัญ และเรารู้ว่าเราสามารถทำเช่นนั้นได้ด้วย AWS”
The Stock Exchange of Thailand (SET) เป็นสถานที่ซื้อขายหลักทรัพย์หลักของประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ1975 โดยมีแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ที่รองรับผู้ใช้มากกว่า 3.6 ล้านคน AWS มอบโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่แข็งแกร่ง ปรับขนาดได้สูง และเวลาแฝงต่ำให้กับ SET สำหรับแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ที่สามารถตอบสนองข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวดได้ “ด้วยจำนวนนักลงทุนดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น จึงมีความจำเป็นที่ SET จะต้องปรับตัวให้เข้ากับความต้องการใหม่ๆ ของตลาดอย่างรวดเร็ว และนำเสนอบริการที่ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตนี้” Thirapun Sanpakit รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายไอทีของ Stock Exchange of Thailand กล่าว “การใช้ AWS สำหรับแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ของ SET ช่วยให้เราปรับขนาดเพื่อรองรับผู้ใช้งานพร้อมกัน 500,000 รายได้อย่างงายดาย ในขณะที่ยังคงประสิทธิภาพในการดำเนินงานสูงสุด ด้วย AWS ภูมิภาคใหม่ในประเทศไทย“ “การใช้ AWS สำหรับแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ของ SET ช่วยให้เราปรับขนาดเพื่อรองรับผู้ใช้พร้อมกัน 500,000 รายได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ยังคงประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงสุดไว้ ด้วย AWS Thailand Region ใหม่ เราจะขยายข้อเสนอข้อมูลตลาดที่มีเวลาแฝงต่ำเพื่อยกระดับประสบการณ์การซื้อขายของนักลงทุนของเราให้ดียิ่งขึ้น”
AWS Partner Network (APN) ประกอบด้วยผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) และผู้รวมระบบ (SI) หลายหมื่นรายทั่วโลก คู่ค้าของ AWS สร้างโซลูชันและบริการที่เป็นนวัตกรรมบน AWS และ APN โดยให้การสนับสนุนด้านธุรกิจ เทคนิค การตลาด และการเข้าสู่ตลาดแก่ลูกค้า AWS ISVs พันธมิตรด้านเทคโนโลยี SIs และพันธมิตรที่ปรึกษา ช่วยให้ลูกค้าองค์กรและภาครัฐสามารถโยกย้ายไปยัง AWS ปรับใช้แอปพลิเคชันที่สำคัญต่อภารกิจ และให้บริการการตรวจสอบ ระบบอัตโนมัติ และการจัดการอย่างเต็มรูปแบบสำหรับสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ของลูกค้า พันธมิตร AWS ในประเทศไทย ได้แก่ Com7, Dailitech, Dakok, Deloitte, Fujitsu, G-Able, Inteltion, Metro Systems, MFEC, NTT DATA, SiS Distribution, SoftwareOne, True IDC และ Yip in Tsoi & Co., Ltd. สำหรับรายชื่อพันธมิตร AWS ทั้งหมด โปรดไปที่ aws.amazon.com/partners.
Dailitech เป็นบริษัทเทคโนโลยีของไทยที่เชี่ยวชาญด้านโซลูชันข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ โดยมุ่งเน้นที่พื้นฐานของเครือข่าย ความปลอดภัย และการโยกย้ายแอปพลิเคชันไปยังคลาวด์ของ AWS “การเปิดตัว AWS Asia Pacific (Thailand) Region จะช่วยเพิ่มความสามารถของ Dailitech ในการเร่งสร้างนวัตกรรมและปรับปรุงประสิทธิภาพให้กับลูกค้าของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างมาก” Dr. Vit Niennattrakul กรรมการผู้จัดการ Dailitech กล่าว “เรายังภูมิใจและตื่นเต้นที่การขยายตัวของ AWS ในครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำตำแหน่งของประเทศไทยในฐานะผู้เล่นหลักในเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค และจะช่วยปลดล็อกศักยภาพอันยิ่งใหญ่สำหรับธุรกิจไทยและคนไทย”
NTT DATA ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ NTT Group ระดับโลก เป็นผู้ให้บริการด้านไอทีชั้นนำ พวกเขาร่วมมือกับ AWS เพื่อเสนอบริการการโยกย้าย การจัดการ และการเพิ่มประสิทธิภาพบนคลาวด์ให้กับธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทย NTT DATA ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือของ AWS เพื่อช่วยลูกค้าเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และสร้างนวัตกรรมในด้านต่างๆ เช่น IoT และการวิเคราะห์ข้อมูล “การลงทุนเชิงกลยุทธ์ของ AWS ครั้งนี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเราในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนในวงกว้าง” Sutas Kongdumrongkiat ซีอีโอประจำประเทศไทย กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ของ NTT DATA กล่าว “AWS Thailand Region ใหม่จะช่วยให้เราสามารถนำเสนอโซลูชันคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เวลาแฝงต่ำ และอำนาจอธิปไตยของข้อมูลที่แข็งแกร่งขึ้นให้กับลูกค้าของเรา ในฐานะพันธมิตรของ AWS ที่มีมายาวนาน เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานในท้องถิ่นนี้เพื่อเร่งนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านต่างๆ เช่น IoT เมืองอัจฉริยะ และอุตสาหกรรม 4.0 การพัฒนานี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางดิจิทัลและส่งเสริมโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ”
การลงทุนในประเทศไทย
AWS Asia Pacific (Thailand) ใหม่เป็นการลงทุนล่าสุดอย่างต่อเนื่องของ AWS ในประเทศไทย เพื่อมอบบริการคลาวด์ขั้นสูงและปลอดภัยแก่ลูกค้า พร้อมด้วยโปรแกรมทักษะ การฝึกอบรม และการมีส่วนร่วมของชุมชน ตั้งแต่ปี 2020 AWS ได้เปิดตัว Amazon CloudFront Edge หกแห่งในประเทศไทย ซึ่งช่วยเร่งการส่งมอบข้อมูล วิดีโอ แอปพลิเคชัน และ API ไปยังผู้ใช้ทั่วโลกด้วยเวลาแฝงต่ำและความเร็วในการถ่ายโอนสูง ในปี 2020 AWS ได้เปิดตัว AWS Outposts ในประเทศไทยเพื่อส่งมอบโครงสร้างพื้นฐานและบริการของ AWS ไปยังตำแหน่งในองค์กรหรือ Edge แทบทุกแห่งเพื่อประสบการณ์ไฮบริดที่สอดคล้องกันอย่างแท้จริง ในปี 2022 AWS ได้เพิ่มการลงทุนในประเทศไทยด้วยการเปิดตัว AWS Local Zones ในกรุงเทพ AWS Local Zones เป็นหนึ่งในบริการการปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานของ AWS ที่จัดวางการประมวลผล พื้นที่จัดเก็บ ฐานข้อมูล และบริการอื่น ๆ ที่เลือกสรรไว้ใกล้กับประชากรจำนวนมากและศูนย์กลางอุตสาหกรรมมากขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถส่งมอบแอปพลิเคชันที่ต้องใช้เวลาแฝงเป็นหน่วยมิลลิวินาทีให้กับผู้ใช้ปลายทางได้
ตั้งแต่ปี 2017 AWS ได้ฝึกอบรมทักษะระบบคลาวด์ให้กับบุคคลมากกว่า 50,000 คนในประเทศไทย AWS ยังคงลงทุนเพื่อพัฒนาทักษะของนักพัฒนา นักศึกษา และผู้นำด้านไอทีรุ่นต่อไปในประเทศไทยด้วยทักษะระบบคลาวด์ที่เป็นที่ต้องการผ่าน AWS Skills to Jobs Tech Alliance และโปรแกรม AWS Training & Certification เช่น AWS AcademyAWS ยังได้เปิดตัวโปรแกรม “เทคโนโลยีเพื่ออนาคตดิจิทัล” ในประเทศไทยเพื่อมอบทักษะการประมวลผลบนคลาวด์ขั้นพื้นฐานให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับอาชีวศึกษาเกี่ยวกับพื้นฐานคลาวด์ในภาษาไทย AWS Academy มอบหลักสูตรการประมวลผลบนคลาวด์ที่พร้อมสอนฟรีแก่สถาบันอุดมศึกษาทั่วโลก เพื่อเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับการรับรอง AWS ที่เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมและงานด้านระบบคลาวด์ที่เป็นที่ต้องการ ปัจจุบัน AWS Academy เปิดสอนหลักสูตรในมหาวิทยาลัยมากกว่า 30 แห่งในประเทศไทย รวมถึงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยสยาม และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งครอบคลุมถึงพื้นฐานด้านคลาวด์ สถาปัตยกรรมคลาวด์ การดำเนินการคลาวด์ การพัฒนาคลาวด์ และวิศวกรรมข้อมูล รวมถึงการรับรองเฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับแมชชีนเลิร์นนิง ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และสาขาอื่นๆ นับตั้งแต่เปิดตัวโปรแกรมนี้ มีนักเรียนมากกว่าหนึ่งล้านคนได้รับการฝึกอบรมจาก AWS Academy ทั่วโลก นับตั้งแต่เปิดตัวโปรแกรม มีนักเรียนมากกว่าหนึ่งล้านคนได้รับการฝึกอบรมจาก AWS Academy ทั่วโลก
ความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน
Amazon มุ่งมั่นที่จะเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้นและบรรลุคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในการดําเนินงานภายในปี 2040 ซึ่งเร็วกว่าข้อตกลงปารีสถึง 10 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ The Climate Pledge Amazon ได้ร่วมก่อตั้ง The Climate Pledge และกลายเป็นผู้ลงนามรายแรกในปี 2019
AWS มุ่งมั่นทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบศูนย์ข้อมูล การลงทุนในชิปที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ และสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีระบายความร้อนใหม่ๆ รายงานของ Accentureซึ่งได้รับมอบหมายจาก AWS ประเมินว่าโครงสร้างพื้นฐานของ AWS มีประสิทธิภาพสูงกว่าโครงสร้างพื้นฐานภายในองค์กรถึง 4.1 เท่า และเมื่อปริมาณงานได้รับการปรับให้เหมาะสมบน AWS ก็จะสามารถลดปริมาณคาร์บอนที่เกี่ยวข้องได้มากถึง 99% ด้วย AWS Asia Pacific (Thailand) Region ใหม่ของ AWS ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากความพยายามด้านความยั่งยืนของ AWS ทั่วทั้งโครงสร้างพื้นฐาน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความพยายามด้านความยั่งยืนของ AWS โปรดไปที่ aws.amazon.com/about-aws/sustainability.
เกี่ยวกับ Amazon Web Services
ตั้งแต่ปี 2006 Amazon Web Services ได้กลายเป็นระบบคลาวด์ที่ครอบคลุมและได้รับการนำไปใช้งานอย่างกว้างขวางที่สุดในโลก AWS ได้ขยายบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับปริมาณงานทุกรูปแบบ และปัจจุบันมีบริการอย่างเต็มรูปแบบกว่า 240 รายการ สำหรับการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล ฐานข้อมูล ระบบเครือข่าย การวิเคราะห์ แมชชีนเลิร์นนิง และปัญญาประดิษฐ์ (AI) อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) อุปกรณ์พกพา ความปลอดภัย ไฮบริด สื่อ และการพัฒนาแอปพลิเคชัน การปรับใช้ และการจัดการ Availability Zones 111 แห่ง ภายใน 35 ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ พร้อมแผนที่ประกาศไว้สำหรับ Availability Zones อีก 15 แห่ง และอีก 5 AWS Regions ในเม็กซิโก นิวซีแลนด์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ไต้หวัน และ AWS European Sovereign Cloud ลูกค้าหลายล้านราย รวมไปถึงสตาร์ทอัพที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุด องค์กรขนาดใหญ่ที่สุด และหน่วยงานภาครัฐชั้นนำ ต่างไว้วางใจให้ AWS ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานให้มีความคล่องตัวมากขึ้น และลดต้นทุน หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ AWS โปรดไปที่ aws.amazon.com.
เกี่ยวกับ Amazon
Amazon ยึดหลักการ 4 ประการ ได้แก่ การยึดมั่นในตัวของลูกค้าเป็นที่ตั้งมากกว่าการมุ่งเน้นไปที่คู่แข่ง ความหลงใหลในการประดิษฐ์คิดค้น ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน และการคิดถึงอนาคตในระยะยาว Amazon มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากที่สุดในโลก เป็นนายจ้างที่ดีที่สุดของโลก และสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยที่สุดในโลก Customer reviews,1-Click shopping, คำแนะนำส่วนบุคคล, Prime, Fulfillment by Amazon, AWS, Kindle Direct Publishing, Kindle, Career Choice, Fire tablets, Fire TV, Amazon Echo, Alexa, เทคโนโลยี Just Walk Out, Amazon Studios และ The Climate Pledge คือบางสิ่งที่ Amazon เป็นผู้ริเริ่ม หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ amazon.com/aboutและติดตาม @AmazonNews.
เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย
Contacts
Amazon.com, Inc.
สายด่วนสื่อ
Amazon-pr@amazon.com
www.amazon.com/pr
ที่มา: Amazon.com, Inc.