HomeTechnologyNTT Com เปิดตัวบริการกล้องติดรถ LINKEETH แบบรองรับการใช้งานเว็บไซต์ในประเทศไทย

NTT Com เปิดตัวบริการกล้องติดรถ LINKEETH แบบรองรับการใช้งานเว็บไซต์ในประเทศไทย

Logo

ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยและลดอุบัติเหตุได้

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–22 พฤศจิกายน 2024

NTT Communications Corporation (NTT Com) ซึ่งดำเนินงานภายใต้แบรนด์ธุรกิจองค์กร “ธุรกิจโดโคโม” ภายในกลุ่มธุรกิจ DOCOMO ได้ประกาศวันนี้ว่าบริษัท Mobile Innovation จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มประเทศไทย จะเริ่มจำหน่ายกล้องติดรถ LINKEETH แบบรองรับการใช้งานเว็บไซต์ในประเทศไทยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

LINKEETH Service Outline (Graphic: Business Wire)

LINKEETH Service Outline (รูปภาพ: Business Wire)

ประเทศไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่อประชากร 100,000 คนอยู่อันดับที่ 9 ของโลก* นอกเหนือจากชีวิตที่สูญเสียไปจำนวนมากแล้ว อุบัติเหตุจำนวนมากยังส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งก่อภาระอย่างใหญ้หลวงต่อสังคม รวมถึงการสูญเสียทางเศรษฐกิจและค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย การขับขี่ยานพาหนะขณะเมาสุราและการขับรถเร็วเกินกำหนดเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่พบบ่อยที่สุด แม้ว่าความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เช่น กฎหมายที่เข้มงวดยิ่งขึ้นและการนำกฎหมายมาบังคับใช้ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจร และการศึกษาความปลอดภัยทางการจราจรจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็จำเป็นต้องมีความคืบหน้าเพิ่มเติมอยู่

* แหล่งข้อมูล: สำนักงานรัฐบาลเทศบาลนครไอจิประจำประเทศไทย

บริการ LINKEETH จะช่วยจัดการการทำงานของยานพาหนะด้วยข้อมูลตำแหน่งและวินิจฉัยการขับขี่ที่ปลอดภัยโดยวิเคราะห์จากข้อมูลการขับขี่ บริษัททั้งสอง ตั้งเป้าที่จะมีส่วนช่วยให้เกิดการขับขี่อย่างปลอดภัยและลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยผ่านการให้บริการนี้

ฟีเจอร์สำคัญ

1.

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistance Systems/ADAS) และระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ (Driver Monitoring System/DMS)

ระบบเหล่านี้ใช้ AI เพื่อตรวจสอบสภาวะการขับขี่โดยใช้ภาพจากกล้องในรถ ซึ่งจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุด้วยการตรวจจับพฤติกรรมขับขี่ที่เสี่ยงและเตือนผู้ขับขี่ นอกจากช่วยเพิ่มความปลอดภัยแล้ว ระบบเหล่านี้ยังช่วยช่วยป้องกันพฤติกรรมขับขี่อย่างประมาทหรือก้าวร้าวอีกด้วย ระบบ ADAS ออกแบบมาเพิ่อให้ผู้ขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการใช้เซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อประเมินสภาพแวดล้อมของรถยนต์ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนและคำเตือนแก่ผู้ขับขี่อย่างทันท่วงที และช่วยควบคุมรถเมื่อจำเป็น บริการใหม่จะวิเคราะห์วิดีโอที่บันทึกจากกล้องหน้ารถและเตือนผู้ขับขี่หากอยู่ใกล้รถคันข้างหน้าเกินไปหรือขับรถออกนอกเลน ส่วนระบบ DMS จะคอยตรวจสอบสภาวะของผู้ขับขี่ผ่านกล้องที่ติดอยู่ภายในตัวยานพาหนะเพื่อช่วยป้องกันพฤติกรรมขับขี่อย่างก้าวร้าวหรือเป็นอันตรายและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

2.

แสดงภาพข้อมูลสภาวะการขับขี่

ระบบจะนำข้อมูล เช่น อัตราการเร่ง การเบรก การหักพวงมาลัย และความเร็วมาวิเคราะห์และนำมาแสดงผลเป็นบันทึกพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ผลการวินิจฉัยจะแสดงในรูปแบบรายงานเพื่อระบบบริหารจัดการยานพาหนะ (Fleet Management) สามารถให้คำแนะนำการขับขี่ที่ปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย

3.

ตรวจจับอุบัติเหตุและส่งวิดีโออัตโนมัติ

เมื่อระบบตรวจจับการขับขี่ที่เป็นอันตรายหรืออุบัติเหตุได้ ระบบจะส่งข้อมูลวิดีโอไปที่เซิร์ฟเวอร์คลาวด์อัตโนมัติ พร้อมส่งอีเมลแจ้งเตือนไปยังผู้รับที่ลงทะเบียนไว้ โดยสามารถดูวิดีโอแบบเรียลไทม์และที่บันทึกไว้ก่อนหน้าจากระยะไกลได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถเข้าถึงหลักฐานวิดีโอในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นได้

4.

จัดการตำแหน่งยานพาหนะ

ข้อมูลตำแหน่งยานพาหนะจะแสดงบนแผนที่ในแบบเรียลไทม์ โดยสามารถตรวจสอบยานพาหนะหลายคันอย่างรวมศูนย์ได้ จึงช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการส่งมอบและป้องกันการโจรกรรมได้ ระบบจะเก็บประวัติการขับขี่สำหรับยานพาหนะแต่ละคันไว้สูงสุดหนึ่งปี

5.

การค้นหาข้อมูลเชิงปริภูมิกาล

เมื่อระบุวันที่ เวลา และพื้นที่ลงในระบบ ยานพาหนะทั้งหมดภายในระยะดังกล่าวก็จะแสดงบนแผนที่ ซึ่งช่วยให้สามารถหายานพาหนะที่เกี่ยวข้องพบและดูในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ จึงช่วยปรับปรุงบริการลูกค้าและประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นได้

NTT Com และ MI มีแผนที่จะขยายการให้บริการไปยังอินโดนีเซีย เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายบริการให้สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลก โดยจะวิเคราะห์ความต้องการของประเทศอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ บริษัท Sumitomo Mitsui Auto Leasing & Service (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการเช่าซื้อรถยนต์ กำลังวางแผนที่จะใช้บริการนี้เพื่อให้บริการเช่าซื้อรถยนต์รูปแบบใหม่ในประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย จึงถือเป็นพันธมิตรรายแรกของทั้งสองบริษัท

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54155695/en

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับข้อมูลติดต่อ
สำหรับลูกค้า:
Mobility Service, 5G & IoT Service Dept., Platform and Service Div.
NTT Communications Corporation
ms-3g2t@ntt.com

Mobile Innovation Co., Ltd. (ในประเทศไทย)
+66 (0)2129 3800
support@mobileinnovation.co.th

สำหรับสื่อ
Public Relations Office
NTT Communications Corporation
pr-cp@ntt.com

แหล่งข้อมูล: NTT Communications Corporation

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisment -

Most Popular

Recent Comments